วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2550

เอกลักษณ์ฝรั่งเศสทำพิษ

อัตลักษณ์แห่งชาติ (national identity: identité nationale) โผล่ขึ้นมาเป็นประเด็นร้อนทางสื่อฝรั่งเศสอยู่พักใหญ่ๆ เนื่องจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสคนสำคัญ อย่างนิโคลาส์ ซาร์โกซี (อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย) ได้หยิบยกขึ้นมา เพื่อประกอบแนวนโยบายด้านการจัดการผู้อพยพเข้าฝรั่งเศส โดยประกาศจะจัดตั้งกระทรวงการอพยพเข้าและอัตลักษณ์แห่งชาติ ถ้าหากตนได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

ประเด็นนี้จึงถูกผู้สมัครหญิงตัวเต็ง คู่แข่งคนสำคัญ เซโกแลน ฮัวยาลจากพรรคสังคมนิยมนำไปขยายผลต่อในแบบของเธอ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครที่มีคะแนนนำเธอมาตลอดในทุกโพล อย่างซาร์โกซีผูกขาดประเด็นร้อนแบบนี้อยู่เพียงฝ่ายเดียว

แต่แล้ว ความซับซ้อนและละเอียดอ่อนของประเด็น “อัตลักษณ์” (หรือถ้าจะใช้คำที่คุ้นกว่า เข้าใจง่ายกว่า แต่มีความหมายไม่ตรงกันทีเดียวนักอย่าง “เอกลักษณ์”) ก็กลับกลายเป็นยาพิษซะมากกว่าจะเป็นยาหอมกล่อมประสาทผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างที่ตั้งใจไว้ มิหนำซ้ำยังทำให้ทั้งสองตกเป็นเป้าโจมตีของผู้สมัครรายอื่น รวมทั้ง นายชอง-มารี เลอ เปน คู่แข่งที่น่ากลัวคนสำคัญจากพรรคขวาจัด (ที่เคยทำเซอร์ไพรส์เข้าไปท้าชิงในรอบสองกับฌาร์ค ชิรัก ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา) ทำนองว่าปั่นกระทู้กันไม่เข้าเรื่อง จนทำให้ผู้สมัครทั้งสองต้องลดเสียงเรื่องนี้ลง แล้วหันเหความสนใจของฝูงชนไปในเรื่องอื่นแทน

เมื่อพูดถึงประเด็นเรื่อง “ความเป็นฝรั่งเศส” ก็ต้องถือว่าเป็นเมนูจานเด็ดของร้านนายเลอ เปน เขามาตลอด เพราะพรรคแกเป็นที่ยอมรับมาแต่ไหนแต่ไรว่าชูนโยบายอนุรักษ์นิยมและกีดกันคนต่างชาติอย่างเปิดเผยไม่เคยเปลี่ยน ชนิดถึงกับเคยประกาศจะลดและตัดสวัสดิการทางสังคมที่ให้กับชาวต่างชาติ ถ้าตนได้รับเลือกตั้งในการหาเสียงเมื่อห้าปีที่ผ่านมา (แต่ที่น่าสนใจ ก็คือแกลดท่าทีลง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ !)

ดังนั้น เมื่อว่ากันด้วยเรื่องที่มีเอี่ยวกับ “คุณค่าฝรั่งเศส” ซึ่งถูกมองว่าสงวนและผูกขาดโดยธรรมชาติจากนักอนุรักษ์นิยมแล้ว ฝูงชนก็ต้องหันไปคอยท่านายเลอ เปน ชนิดที่เรียกว่าทันทีที่มีใครเริ่มอ้าปากเอ่ยเลยทีเดียว

เมื่อนายซาร์โกซีประกาศแนวนโนบายว่าด้วยเรื่อง “อัตลักษณ์แห่งชาติ” (ที่ไม่ว่าจะลุ่มลึกหรือน่าสนใจแค่ไหน) แกจึงถูกโกยเข้าไปอยู่ในตระกร้าเดียวกับนายเลอ เปน แถมยังถูกมองอย่างหยามๆ ว่าชะรอยจะมาใช้เทคนิคที่เคยทำให้เลอ เปน ควบม้ามืดเข้าไปถึงรอบสอง แบบหายใจรดต้นคอกับฌาร์ค ชิรักในการเลือกตั้งรอบแรกปี 2002 มาแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น นายซาร์โกซีก็ถูกประเมินราคาต่ำกว่าราคาตลาดไปล่วงหน้าเลยว่า ยังไงก็ต่ำช้ากว่าต้นตำรับตัวจริงอย่างนายเลอ เปน หัวหน้าพรรคโฟรงซ์ นาซิองนาล (Front National) หรือพรรคแนวหน้าแห่งชาติ

ยังไงก็ตาม ก็ใช่ว่าทุกคนจะเชิดหน้าชูคอประกาศตนเป็นแฟนคลับนายเลอ เปนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะอุดมคติแบบขวาจัดนี้ก็มักถูกสังคมพิพากษาว่าเป็นอันตราย อย่างเมื่อหลังจากที่นายเลอ เปนได้เข้าไปในรอบสองของการเลือกตั้งคราวที่แล้ว นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวจำนวนมากก็ออกมาเตือนสติสังคมให้ใช้วิจารณญาณในการรับชม เอ้ย..เลือกตั้ง

จึงมีคำอธิบายจากนักวิเคราะห์ว่า ที่ตัวเลขคะแนนนิยมของนายซาร์โกซีนั้นค่อนข้างสูง (ประมาณ 25-30% แล้วแต่สำนัก) และนำผู้สมัครอันดับสองอย่างนางสาวเซโกเลน (อยู่ระหว่าง 20-25%) มาโดยตลอดนั้น ส่วนนึงเป็นคะแนนแอบแฝงของนายเลอ เปน เนื่องจากผู้ตอบแบบสอบถามไม่กล้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะเลือกนายเลอ เปน จึงเลี่ยงไปตอบชื่อผู้สมัครที่ตนมองว่าเป็นที่นิยม อย่างนายซาร์โกซี ซึ่งถูกสังคมมอง (ผิดๆ) ว่าเสนอนโยบายเหยียดผิวทำนองเดียวกับนายเลอ เปน

การวิเคราะห์นี้จะถูกหรือไม่ เราก็คงจะได้เห็นกันในเย็นวันที่ 22 เมษายนที่จะถึง

เราย้อนกลับมาที่เรื่องอัตลักษณ์หรือเอกลักษณ์ฝรั่งเศส โดยตัวของมันเอง เป็นเรื่องซับซ้อนมากเพราะสามารถยกทฤษฎีทางปรัชญาหรือสังคมวิทยาขึ้นมาเถียงกันเป็นวัน เราจึงพบว่าเนื้อหาของการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องอัตลักษณ์จริงๆ จึงถูกจำกัดอยู่แค่ในระดับผิวเผิน และนักการเมืองก็เลือกที่จะไม่ให้นิยามหรือคำจำกัดความที่ตายตัวกับมันแถมปล่อยให้มีความคลุมเครือต่อไป

อย่างไรก็ดี คำถามที่ง่ายที่สุดที่ถูกหยิบยกขึ้นมา นอกจากเรื่องความเป็นชาติและแนวคิดชาตินิยม ก็คือคำถามเกี่ยวกับ “ความเป็นฝรั่งเศส”

อะไรคือความเป็นฝรั่งเศส?

คือคุณค่าที่เป็นนามธรรมในเรื่อง “อิสรภาพ เสมอภาพและภราดรภาพ”? หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่างหอไอเฟลและชองซะลิเซ่?

คือสิ่งที่สามารถตีค่าเป็นตัวเงินนำเข้าประเทศอย่างไวน์ ชีสและบาแก็ต? หรือตราสินค้าแบรนด์เนมอย่างหลุยส์ วิตตง ดิออร์ ....?

คือคุณค่าหรืออุดมคติที่คนฝรั่งเศสทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นเช่นนั้น? หรือสิ่งที่ชาวต่างชาติเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น?

หรือความเป็นปัจเจกของคนฝรั่งเศสที่มีลักษณะร่วมกันเป็นสากล? หรือลักษณะเฉพาะของสังคมฝรั่งเศสซึ่งเป็นผลจากการรวมตัวของปัจเจกที่ว่า?

คือภาษาฝรั่งเศสที่เป็นแบบแผนและต้องปกป้อง และมีศัตรูคือภาษาต่างชาติอย่างอังกฤษ ที่นับวันก็จะคุกคามและลุกลามเข้ามาในชีวิตคนฝรั่งเศส?

...

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2550

การจัดลำดับชั้นของไวน์ฝรั่งเศส

ไวน์ฝรั่งเศสทั้งแดง ขาว และโรเซ่ ไวน์ประเภทมีฟอง หรือ ประเภทหวานมาก,หวานน้อย,ไม่หวาน, ดราย มีระดับแอลกอฮอล์ต่างๆ ตั้งแต่ 8–14 ดีกรี และสูงกว่า ทุกชนิดจัดแบ่งตามมาตรฐาน คุณภาพโดยทางการฝรั่งเศสแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ

1. Appellation d’ Origine Controlee – AOC (อัปเปอลาซิยง ดอริจิ้น กงโทลเล่)
ไวน์ ผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพมาตรฐานกรรมวิธีการผลิตอย่างเข้มงวดกวดขัน ละเอียดถี่ถ้วน รวมไปถึงการควบคุมสายพันธุ์องุ่น การปลูก ปริมาณการผลิต ทำเล และขนาดของไร่องุ่น ฯลฯ โดยกฎหมายและทางการฝรั่งเศส ตลอดจนองค์กรอื่นๆ เช่น Institute National des Appellation d’ Origine – NAO สถาบันแห่งชาติ ทำการควบคุมดูแลตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ และคุณภาพไวน์อย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง เพราะฝรั่งเศส ถือว่าอุตสาหกรรมไวน์ และไวน์ฝรั่งเศสทุกขนานเป็นภูมิฐาน ความมีศักดิ์ศรี ความหยิ่งผยอง ทรนง ความภาคภูมิใจของชาติที่เป็นเครื่องเชิดหน้าชูตา อันสง่างาม เป็นตัวแทนของประเทศสมกับที่ได้รับการยกย่อง สรรเสริญได้รับความไว้วางใจ ได้รับความนิยมชมชอบจากชาวโลกผู้รักไวน์ทั้งหลายเสมอมา


2. Vin Delimite de Qualite Superieure – VDQS (แว็ง เดอลิมิตเต้ เดอ กาลิเต้ ซุปเปริเยอร์)
ไวน์ผลิตภายใต้การควบคุมกฎเกณฑ์กรรมวิธีการผลิตให้ได้มาตรฐานคุณภาพตามที่ทางการฝรั่งเศสกำหนดเข้มงวดกว่า Vin de Pays ระดับหนึ่ง

3. Vin de Pays (แว็ง เดอ เปอี)
ไวน์ระดับคุณภาพมาตรฐานถูกควบคุมโดยทางการฝรั่งเศส แต่ไม่เข้มงวดมากนัก มีการควบคุมแหล่งผลิต ทำเล และขนาดของไร่องุ่น Origin ตลอดจนมารตรฐานคุณภาพขั้นพื้นฐาน Basic Quality ของไวน์นั้นอย่างไม่เป็นทางการ ระบบการควบคุมที่ยืดหยุ่นนี้ เปิดโอกาสให้ชาวไร่องุ่น Growers สามารถทำการทดลองผลิตไวน์นานาชนิด รสชาติแปลกใหม่ด้วยการผสมองุ่นสายพันธุ์ต่างๆ ในอัตราส่วนไม่ซ้ำซ้อน ด้วยกรรมวิธีใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างอิสระ เพื่อคนรักไวน์จะได้มีโอกาสได้ลิ้มชิมรสไวน์ ที่น่าตื่นเต้นขนานแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ ไวน์ระดับนี้มีคุณภาพมาตรฐานสูงกว่า Vin de Table ชนิดตั้งโต๊ะ และไวน์คุณภาพดีบางตัวจากระดับนี้ อาจจะมีโอกาสได้ขึ้นชั้นมาอยู่ในระดับ AOC ได้ด้วย

4. Vin de Table (แว็ง เดอ ตาบเบลอ)
ไวน์ระดับคุณภาพต่ำใช้ดื่มแทนน้ำ ประเภทตั้งโต๊ะ ไม่มีการควบคุมมาตรฐานโดยทางการ แต่อย่างไรชาวไร่องุ่น Growers และเจ้าของโรงงานผลิตไวน์ Winery สามารถผลิตไวน์นี้ออกมาอย่างอิสระ